Friday 13 November 2009

ภูมิใจที่ได้เกิดมาดำ




 ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา เท่าที่จำความได้ ก็มีแต่ถูกเพื่อนล้อว่า อีดำ คำว่า อีดำ นี่หละค่ะ เป็นคำที่เราคุ้นหูเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเป็นเวรหรือกรรมอันใด ที่จึงต้องโดนล้ออยู่เสมอ 

           สมัยเรียนอนุบาลดิฉันก็ดำที่สุดในห้อง เมื่อเข้าประถมก็ยังดำที่สุดในห้องอีกเช่นกัน ต่อมาเข้าชั้นมัธยม อันนี้ยิ่งเข้าไปใหญ่ ดันดำที่สุดในสายชั้น จนสุดท้ายเรียนต่อมหาลัยได้โค๊วต้าที่เทคนิคกรุงเทพ หรือ มหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพในปัจจุบันนั่นเอง เราก็ยังคงแชมป์ในเรื่องของความดำ ดำที่สุดในคณะ ค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง จึงถือว่าดิฉันเป็นตัวแม่ตัวดำของแท้ แน่นอน

  สมัยช่วง วัยรุ่น อายุราว14-15ดิฉันเคยพยายามหลายวิธีเพื่อที่จะทำให้ขาวขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่ีงดิฉันซื้อครีมมาใช้ แต่ด้วยการที่เรายังเป็นเด็ก วัยวุฒิ และคุณวุฒิของเราน้อย เงินก็มีจำกัด      จึงได้ซื้อครีมประเภทสมุนไพรน่าเด้ง มาทาหน้าทิ้งวันหนึ่งคืน โดยไม่รู้หรอกค่ะว่ามันมีส่วนผสมของสารปรอท หรือสารเคมีชนิดไหนบ้าง


รุ่งเช้าตื่นมาหน้าเปลี่ยนค่ะ เน่าเลย กลายเป็นสิวเหอเกลอะขึ้นทั่วหน้า โดยไม่รู้หรอค่ะว่าครีมมันมีส่วนผสมของอะไรบ้าง ในตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่าถ้าอยากสวยก็ต้องเสี่ยง ผลสุดท้ายสิ่งได้กลับมาไม่แย่ไปยิ่งกว่า ต้องทนอยู่ในสภาพน่าเน่าอยู่เกือบปี โชคดีภายหลังมาได้ยาดี จากรอยแผลก็จึงหายไปหมด 
                   ในช่วงอายุสิบห้า เราก็เริ่มแต่งหน้าไปโรงเรียน จำได้ว่าตอนนั้นใช้แป้งของชีเน่ เบอร์หนึ่งตลับละร้อยยี่สิบบาท  ซึ่งแป้งที่เราใช้มันก็ไม่ได้มีสีที่ตรงกับสีผิวเรา เนื่องจากความที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องการแต่งหน้า ว่าแป้งที่ใช้แต่งจำเป็นที่จะต้องตรงกับหรือดูใกล้เคียงสีผิว จึงทำให้หน้าเรากลายเป็นหน้าขาวกว่าตัว ลองคิดดูซิค่ะว่าหน้าขาวแต่ตัวดำ มันจะดูแล้วตลกแค่ไหน ตอนไม่รู้หรอกค่ะว่าคนเขามองว่าเราเป็นตัวตลก คิดอย่างเดียวว่าถ้าอยากให้คนอื่นมองว่าสวยก็ให้ใช้แป้งตลับที่เบอร์ขาวที่สุด ทาเข้าไปพอกเข้าไป ถึงเวลากลางวันแป้งที่ได้ลงไว้บนหน้าก็เริ่มเยิ้ม แป้งที่พอกไว้อยู่บนหน้าจากสีขาวก็กลายเป็นสีเทา ถูกเพื่อนล้ออยู่เป็นประจำค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่เเคร์ 
                        
       ตอน ม.ปลายเพื่อนๆในกลุ่มเขาก็ต่างมีแฟนกันไอ้เรานี่สิหาแฟนยากมาก เป็นเพราะว่าเราเกิดมาดำ จึงไม่มีใครที่จะเข้ามาจีบ จึงต้องเป็นเราทุกครั้งที่ต้องด้านหน้าเข้าไปจีบผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จสักที มีครั้งที่แย่ที่สุดคือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไปแอบชอบผู้ชายห้องข้างๆ หนุ่มคนนี้เรียนสานศิลป์ภาษา ไอ้เราเรียนสายคณิตศิลป์ ด้วยความที่เราแอบชอบเขาก็เลยบอกเขาว่าฉันชอบเธอนะ แต่สุดท้ายก็โดนผู้ชายคนนั้นมันตอกกลับมาว่า "กลับไปเกิดใหม่หรือทำให้ขาวก่อนเถอะแล้วกูจะชอบมึง"
หลังจากที่ได้ยินคำนั้น ดิฉันก็ควันออกหูเลยค่ะ จึงตั้งสัตย์ว่าชาตินี้กูจะไม่สนใจผู้ชายไทยอีก ให้มันรู้ไปสิว่าดำแล้ว จะหาผัวไม่ได้ หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยมองผู้ชายไทยอยู่ในสายตาอีกเลยค่ะ  พอเวลาผ่านไปเมื่อย้อนไปคิดถึงเรื่องราวในสมัยนั้นมันก็ช่างเป็นเรื่องน่าขำ

         ย้อนกลับมาในปัจจุบันค่ะ ทุกวันนี้เวลาออกไปไหนมาไหนในลอนดอนก็จะเจอร้านที่ให้บริการเตียงอาบแดด อยู่ทั่วไป  พวกฝรั่งที่ลอนดอนนี่เขานิยมใช้บริการกันค่ัะ ราคาก็ใช่ว่าจะถูก เป็นบ้านเราไม่ต้องไปเสียเงินอาบแดดหรอกค่ะ เพียงแค่ออกมาเดินนอกบ้านตอนเที่ยงๆทุกวันก็ดำแล้ว ดิฉันเคยถามเพื่อนฝรั่งว่า ทำไม่ถึงอยากดำ เขาก็บอกว่าสีผิวอย่างดิฉันไม่ได้เรียกว่าผิวสีดำ แต่เขาเรียกว่าสีน้ำตาล   เขาบอกว่าสีผิวสีน้ำตาลเป็นสีที่สวย สีของคนมีสตางค์ ที่มีเงินไปเที่ยวฮอลิเดย์ได้อาบแดด เพราะว่าแสงแดดดีต่อสุขภาพ เนื่องจากภูมิประเทศของที่นี่ไม่ค่อยได้รับแสงแดดมากนักเท่าไร จึงทำให้ผิวสีน้ำตาลบ้านเขาหรือที่คนไทยเรียกว่าอีดำบ้านเราจึงเป็นที่นิยมของคนที่นี่ โดยเฉพาะวัยรุ่นฝรั่งถึงขั้นกับยอมลงทุนฉีดสเปรย์สีผิวให้ดูเข้มขึ้น ทั้งๆที่มันเป็นอันตราย และเสี่ยงกับโรคมะเร็งผิวหนังเป็นอย่างมาก

ในความคิดของคนที่นี้ใครที่ผิวสีขาวคือคนจน คนป่วยไม่มีเงินพอที่จะไปเที่ยวไหน เห็นไหมหละค่ะว่าความคิดของฝรั่งกับความคิดของคนไทยตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง แต่ดิฉันก็ขอยอมรับในความคิดของฝรั่งนะค่ะ เป็นเหตุเป็นผลดี อยู่เมืองไทยหรอ ไม่มีหนุ่มไทยคนไทยที่จะมองกูซักคน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่ซิ ออกไปไหนก็มีทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองกันให้ขวัก มีคนเข้ามาจีบหลายคนอยู่ โดยไม่ต้องไปง้อหรือไปจีบใครเหมือนสมัยก่อน ตัวเลือกมีเยอะมากมายเลย   นี่แหละค่ะเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของดิฉัน ขอบอกคำเดียวว่า โชคดีที่กูได้เกิดมาดำ 



 



                               

No comments:

Post a Comment