Sunday, 3 October 2010

เตือนภัยในลอนดอน

เมื่อคืนวันที่ 16 เมษายน ขณะที่ดิฉันเลิกงาน ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน ขอเล่าก่อนว่าที่ทำงานของดิฉันอยู่แถวThe Porchester ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินควีนเวย์

จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นเวลาซักประมาณสี่ทุ่ม กว่าจะเดินมาถึงสถานีก็ใช้เวลาสิบห้านาที ตามปกติแล้วเวลาที่เราเดินไปไหนมาไหน ในลอนดอน ก็จะคอยมองซ้าย มองขวา มองหน้า มองหน้า และระมัดระวังอยู่ตลอด จะมาเดินใจลอยเหมือนอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้ ขนาดดิฉันเป็นคนที่ระวังแล้ว ยังเจอไอ้มืดตัวสูงผิวดำ ผมหยิกฟู ใส่เสื้อยึดกางเกงวอมเก่าๆ สภาพเหมือนคนติดยา พยายามที่จะตามประกบดิฉัน มันตามขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน มันพยายามมาประกบดิฉัน

ตอนนั้นรู้สึกห่วงกระเป๋าเป็นอย่างมากเพราะเงินในกระเป๋าก็พกมาใช่น้อย ถ้ามันมากระชากไปคงเสียดายแย่ เพื่อความแน่ใจพอดิฉันออกจากสถานีเลยไปแวะหลบในร้านขายของ กะว่ารอซักพักเช็คให้แน่ใจว่าไอ้มืด มันไปแล้ว ซักประมาณสิบนาที ดิฉันจึงดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามแล้ว จึงออกไปขึ้นรถเมล์ต่อกลับบ้าน ขณะที่เดินไปที่ป้ายรถเมล์ มองผ่านไปทางซ้ายมีซอกตึก ดิฉันตกใจเป็นอย่างมากเพราะคนที่มันยืนอยู่ซอกตึก ก็คือไอ้มึดที่ตามดิฉันมาตั้งแต่รถไฟฟ้าใต้ดินนั้นเอง

พอเห็นตอนนั้นดิฉันตกใจสุดขีด จึงวิ่งขึ้นรถเมล์ พอดิฉันวิ่ง มันก็วิ่งขึ้นตาม ตอนนี้แหละค่ะกลัวสุดขีด เพราะว่าไอ้มืดตัวมันโตกว่าดิฉันหลายเท่า แล้วแถวบ้านที่พักอยู่พอช่วงดึกๆค่อนข้างที่เงียบ ผู้คนไม่ค่อยที่จะมีเห็นอย่างผลุกผล่านในยามดึกซักเท่าไหร่ ซึ่งขณะที่เราอยู่บนรถมันก็มานั่งข้างเรา แล้วก็ไม่คุยอะไร รู้สึกได้อย่างเดียวว่ามันกำลังจ้องกระเป๋าที่เราถืออยู่ สงสัยมันคงจะรอโอกาสที่มันจะกระชากแล้ววิ่งลงจากรถ

ในตอนนั้นดิฉันจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรบอกแฟน ว่ามีคนตามเพื่อที่จะให้เขามารอรับเราที่ป้ายรถเมล์ แต่แฟนเจ้ากรรมดันไม่รับโทรศัพท์ ในใจก็คิดว่าจะทำยังไงดีถ้าคืนอยู่บนรถต่อไปแล้วไปรถที่ป้ายรถเมล์แถวบ้าน ก็คงที่จะไม่รอดพ้นจากภัยไอ้มืดนี้อย่างเป็นแน่ จึงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้แน่ใจถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว จึงเดินลงจากชั้นสองของรถเมล์ เพื่อที่จะไปบอกคนขับรถเมล์ ขอร้องความช่วยเหลือจากเขา ไอ้ตอนที่เราเดินไปบอกรถได้หยุดจอดส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์พอดี พอไอ้มืดมันรู้ว่าเราคงจะไปบอกคนขับรถ มันก็ลงจากรถแล้วก็วิ่งหนีหายไปในความความมืด

จากป้ายที่มันลงห่างไปประมาณสามถึงสี่ป้าย ก็ถึงป้ายที่ดิฉันต้องลง คุณแฟนที่รักก็เพิ่งที่จะเห็นมิสคอลแล้วหยิบโทรศัพท์โทรกลับมาหาเราแล้วถามว่า "ถึงไหนแล้วคุณ ให้ผมไปรอรับไหม" ด้วยความงอนในขณะตอนที่เราเดิอดร้อนเขาดันไม่รับสายโทรศัพท์ เลยบอกเขากลับไปว่า    
" กลับเองได้  "

พอถึงบ้านเท่านั้นแหละค่ะ ดิฉันร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าแฟนอย่างฟูมฟาย ต่อว่าเขาว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ คุณแฟนก็ขอโทดขอโพยว่าตอนที่เขาออกไปสูบบุหรี่ เขาได้ลืมโทรศัพท์ไว้ข้างหลังบ้าน

ในกรณีของดิฉันถือว่าโชคดีมากที่ไม่ได้เสียทรัพย์สิน และไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย ยังไงก็ขอฝากเตือนเพื่อนๆ ทุกคนให้ระมัดระวังภัยในลอนดอนกันด้วยนะค่ะ


กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ดิฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นคล้ายๆกันสมัยตอนที่ยังเรียนอยู่เมืองไทย ในเมื่อกล่าวมาแล้วก็ขอเล่าเลยหรือกันค่ะ
สี่ปีที่แล้วสมัยยังเรียนอยู่ที่ไทย ด้วยความที่เราเป็นคนชอบทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยจึงกลับบ้านดึกทุกวัน ถึงบ้านก็ประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน ตอนนั้นพักอยู่สมุทรปราการแต่ต้องไปกลับกรุงเทพอยู่ทุกวัน กว่าจะถึงบ้านก็ดึกทุกวัน ใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่เป็นประจำก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น รู้แต่ว่าระเวกแถวสมุทรปราการเป็นแหล่งรวมพวกมิชฉาชีพ

เหตุเกิดที่ทำให้ดิฉันไม่มีวันลืมเลยคือ คืนนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ฝนกำลังลงเม็ด หลังจากลงรถเมล์แถวสำโรง เราก็ต่อสองแถวไปลงหน้าปากซอยบ้าน ซึ่งก็เป็นระยะทางไกลพอสมควรกว่าจะเดินจากจุดที่สองแถวจอด ไปถึงบ้าน รู้สึกว่าวันนั้นจะใส่กระโปรงนักศึกษาสั้นมากด้วย มือหนึ่งถือร่มคันใหญ่ มือหนึ่งถือกระเป๋า

หลังจากทีลงรถสองแถว ระหว่างทางขณะที่กำลังเดินเข้าซอยแถวบ้าน(แถวที่เคยอยู่มันเปรี่ยวจริงๆค่ะ ) ก็เห็นเหงาผู้ชายเดินตาม ดิฉันเป็นคนขี้ระเเวงอยู่แล้วก็หันไปมอง มันก็เร่งวิ่งเข้ามาประชิดดิฉัน ด้วยความกลัวจึงเอาร่มที่ถืออยู่ฟาดที่หัวมัน ไอ้โจรคนนั้นมันก็ตกใจเพราะว่าเราตีมันไม่ยั้งมือ แล้วก็เเหกปากเรียกให้คนออกมาช่วย ไอ้โจรมันก็ตกใจเลยวิ่งหนีไป จำได้ไม่เคยลืมว่าเป็นผู้ชายวัยรุ่นใส่หมวกสีแดงเสื้อยืด กางเกงยีนส์เก่าๆ สงสัยว่าเป็นพวกขี้ยา พอถึงบ้านเลยเล่าให้คนที่บ้านฟัง รุ่งเช้าแม่ของดิฉันก็โวยวายออกมาด่าพวกแถวหน้าปากซอย ใครไม่รู้ด่าไว้ก่อน นึกแล้วขำ หลังจากนั้นมาเวลาไปไหนตอนกลางคืนก็จะพกมีดแหลม ไว้ในกระเป๋าตลอดเพื่อเวลาฉุกเฉิน ประเภทว่าเข้ามาสิ เดี๋ยวกรูจะเสียบให้ไส้แตก

แต่ที่ลอนดอนจะพกมีดพกอาวุธแบบไทยไม่ได้นะค่ะ เลยอยากฝากเตือนสาวๆทุกๆคน ถือว่าเล่าสู่กันฟังหรือกันนะค่ะ

ปล ขอโทษทีนะค่ะที่การใช้ภาษาในการเขียนของดิฉันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าผิดตรงไหนก็ยินดีรับฟังคำติชมค่ะ

1 comment:

  1. Anonymous6:26 pm

    ขอบคุณนะคะ จะได้ระวังตัว โชคดีนะคะ คุณปลอดภัย

    ReplyDelete