เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันคริสต์มาส ที่ชาวคริสต์เตียน จัดงานเฉลิมฉลอง ทางศาสนา ซึ่งมีความเชื่อเวลาเป็นวันที่พระเยซุทรงพระประสูติ หลายๆครอบครัวในลอนดอนมีการประดับตกแต่งบ้าน ประดับต้นคริสต์มาส ภายในบ้าน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนของขวัญกัน
วันนี้ดิฉันตั้งใจว่าจะไปช็อปปิ้ง ซื้อของขวัญให้คนพิเศษ ที่อ๊อกฟอร์ดสตรีท ออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายสอง แวะเข้าไปที่ทำงาน ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างมากนัก จากอ็อกฟอร์ดสตรีท ทำธุระสองชั่วโมง จนถึงบ่ายสี่โมงจึงได้นั่งรถไฟใต้ดิน มุ่งหน้าสู่ ห้าง Selfridges
หลังจากเดินออกมาจากรถไฟใต้ดิน บนถนนอ็อกฟอร์ทสตรีทแถบจะไม่มีให้ที่เดิน เนื่องจากคนนับร้อย นับพัน พลุกผล่าน แห่กันมาช็อปปิ้ง ก่อนวันคริสต์มาส เบียดเสียดกันแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋อง พอได้ของตามที่ต้องการ จึงได้เริ่มกลับบ้าน กะว่าเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีOxford circus ในขณะเดียวกันหิมะก็เริ่มตกอย่างนัก คนยืนออกรอคิวปิดทางเข้าสถานี จนไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ดิฉันเลยตัดสินใจเดินไปรอขึ้นรถเมล์ กลับบ้าน อยู่บนรถเมล์เป็นชั่วโมงรถไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน รถติดอย่างนักยิ่งกว่ากรุงเทพ บ้านเราซะอีก ทรมานเป็นอย่างมาก หิวก็หิว เด็กก็ร้องอยู่บนรถ คนก็ยืนเบียดกันอย่างแน่น
ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง จากอ็อกฟอร์ดสตรีทถึงบ้าน ซึ่งตามปกติแล้ว มันก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก เป็นวันที่น่าเบื่อและเซ็งเป็นอย่างยิ่ง
พอก้าวขาลงจากรถเมล์ หัวแทบทิ่ม เพราะว่าพื้นเป็นน้ำแข็ง เหมือนลานเล่นไอซ์สเก็ต เดินก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก แย่ยิ่งกว่านั้นชุดที่เราใส่ ก็กระโปรงตัวจิ๋วถุงน่องบางๆ กับเสื้อโค๊ทขนสัตว์ ลองนึกสภาพดูเอาเองนะค่ะว่า เดินอยู่บนน้ำแข็งเกือบครึ่งชั่วโมง เพื่อเดินกลับบ้าน มันจะทรมานซักแค่ไหน
ความรู้สึกที่ว่า มันก็เหมือนกับการที่คุณเอามือและเท้าของคุณจับน้ำแข็งขี้เลื้อยก้อนใหญ่แล้วไม่ยอมปล่อย และคล้ายกับถูกแช่แข็งอยู่ในตู้เย็น หนาวจนปวดเข้าไปถึงกระดูกเลยค่ะ
ในรอบห้าสิบปีลอนดอนไม่เคยมีหิมะตกหนักอย่างนี้มาก่อน หิมะตกไม่เท่าไร แต่ไอ้พื้นถนนที่มันจับตัวกันจนกลายเป็นน้ำแข็ง จึงทำให้ผู้ใช้ถนนต้องระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
จำได้ว่าครั้งแรกที่ย้ายมาอยู่ลอนดอน ภวนาให้หิมะตก เพราะเกิดมาไม่เคยเห็น ปีผ่านไป ไม่เอาแล้วsnow ไม่ชอบหน้าหนาว ออกไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก เวลาเลิกงานก็มืดเร็วกว่าปกติ สาระพัด สาระพัน ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะว่า ทำไมไอ้พวกฝรั่งถึงชอบมาเมืองไทย ในช่วงเดือนธันวาคม มกราคม เป็นเพราะมันนี้หนาวอย่างนี้นี่เอง
No comments:
Post a Comment